ตามหลักการใช้ปุ๋ยแล้วปุ๋ยอินทรีย์จะเป็นอาหารหลักของพืชและเสริมด้วยปุ๋ยเคมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เกษตรกรทุกวันนี้ใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลักแล้วเสริมด้วยอินทรีย์บ้าง จึงทำให้ดินเสีย เนื่องจากปุ๋ยเคมีทุกชนิดจะเค็มบางชนิดอาจเป็นกรดด้วยเมื่อละลายน้ำ
ดังนั้นเมื่อใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณมากและนานติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งจึงทำให้ดินเค็มและเป็นกรดซึ่งจะทำลายอินทรีย์วัตถุในดินทำให้อัตราส่วนโครงสร้างของดินเปลี่ยนไป จึงทำให้ดินแข็งกระด้างและหน้าดินแน่น น้ำและอากาศเข้าไปในดินได้น้อยสังเกตุง่าย ๆ เมื่อฝนตกน้ำจะไหลผ่านหน้าดินไปอย่างรวดเร็วไม่ซึมเข้าไปในดิน ทำให้ปุ๋ยที่เราใส่นั้นซึมผ่านเข้าไปในดินถึงรากพืชน้อย ประสิทธิภาพของปุ๋ยที่พืชกินได้น้อยมาก
ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือ เราต้องใส่ปุ๋ยมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้ดินยิ่งเลวลงเรื่อย ๆ อีกทั้งเมื่อหน้าดินแข็งอากาศก็เข้าไปในดินได้น้อยซึ่งเป็นผลเสียอย่างมากต่อจุลินทรีย์ที่คอยเพิ่มไนโตรเจนให้กับดิน
ดังนั้นการใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพนั้น ต้องเลือกปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพที่ดีเป็นปุ๋ยหลัก หลังจากนั้นจึงค่อยเสริมปุ๋ยเคมีเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพราะปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีนั้นสามารถให้สารอาหารแก่พืชอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังส่งเสริมโครงสร้างของดินให้โปร่งอากาศและน้ำสามารถผ่านเข้าไปในดินได้ดี เมื่อดินดีรับรองได้ว่าทุกอย่างก็จะดีไปหมด เพราะพืชเราก็จะแข็งแรงไม่เป็นโรคง่าย ซึ่งจะนำไปสู่การปลูกพืชอินทรีย์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน อีกทั้งต้นทุนก็ลดลงมามากเป็นเท่าตัว ผลผลิตก็ดีมีคุณภาพอีกทั้งขายได้ราคาสูงขึ้นเพราะอินทรีย์ทำให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคและยั่งยืนมั่นคงในอนาคต……………..